ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 แนวทฤษฎีของมาร์กซเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดพรรคสังคมนิยมทั่วยุโรป แม้ว่านโยบายของพวกเขาในเวลาต่อมาจะค่อนข้างคล้อยตามกับระบอบทุนนิยมที่กำลังปรับเปลี่ยนตัวเอง มากกว่าที่จะก่อการรัฐประหาร ยกเว้นพรรคแรงงานสังคมประชาธิปัตย์แห่งรัสเซีย (Russian Social Democratic Workers' Party) โดยหนึ่งในกลุ่มในพรรค ที่เป็นที่รู้จักในนามของกลุ่มบอลเชวิก ซึ่งนำโดยวลาดิมีร์ เลนินที่ประสบความสำเร็จในการปกครองประเทศหลังจากการล้มล้างรัฐบาลรักษาการณ์ในการปฏิวัติรัสเซีย (Russian Revolution of 1917) ใน พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) ในปีต่อมา พรรคดังกล่าวเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งจากนั้นมาทำให้เกิดข้อแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์และระบอบสังคมนิยม
หลังจากประสบความสำเร็จในการปฏิวัติตุลาคม (October Revolution) ในรัสเซีย ทำให้พรรคสังคมนิยมในหลายๆ ประเทศเปลี่ยนตัวเองเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีความภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตที่แตกต่างกันไป เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง คณะบริหารที่เรียกตนเองว่าคอมมิวนิสต์ก็เข้ายึดอำนาจในยุโรปตะวันออก ในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) พวกคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน นำโดยเหมาเจ๋อตุงก็ขึ้นสู่อำนาจและก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างนั้นบรรดาประเทศโลกที่สามต่างก็รับระบอบคอมมิวนิสต์เข้ามาเป็นระบอบการปกครองได้แก่คิวบา เกาหลีเหนือ เวียดนาม ลาว แองโกลา และโมซัมบิก ในต้นทศวรรษที่ 1980 ประชากรหนึ่งในสามของโลกถูกปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์
รัฐที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้ระบบพรรคการเมืองเดียวในปัจจุบัน ได้แก่
-ประเทศจีน
-ประเทศเกาหลีเหนือ
-ประเทศลาว
-ประเทศเวียดนาม
-ประเทศคิวบา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น